เรื่องของล้อ
จริงๆแล้วอยากจะแชร์ข้อมูลมากกว่านะครับ เพราะจากการตลาดรถทุกวันนี้เติบโตทุกวัน นับวันก็จะเพิ่มความหลากหลายของรถมากขึ้นมีการเพิ่มจำนวนเป็นหลายแสนคัน จนกระทั้งเป็นล้านคันในเวลาไม่กี่ปี อย่างหนึ่งซึ่งจะพบกับปัญหาก็คือ การขาย ล้อรถยนต์มือสอง กัน ทำให้บางคน ไม่เข้าใจว่าล้อรถของแต่ละค่ายนั้นไม่สามารถใส่ด้วยกันได้ ซึ่งจะพบบ่อยว่าซื้อมาแล้วใส่ไม่ได้ เรายังไม่ต้องพิจารณาว่ามันเป็นแบบไหนนะครับ ผมยกตัวอย่างเช่น แบบจาน(disk type) หรือ แบบก้านใหญ่ (spoke type) เรามาพิจารณาการเลือก ล้อรถยนต์มือสอง กัน ซึ่งมีตัวเลือกในการใช้งานอยู่ 3 ส่วนดังนี้
ลักษณะของล้อแม็ก
ขอบล้อ จะมีหน่วยเป็นนิ้วเช่น 14, 15, 16, 17, 18, 19 และ 20 โดยวัดจากจุดศูนย์กลางของล้อมาที่ขอบล้อ จะได้ขนาดของขอบล้อที่จะใช้ ถ้ารถของเราซุ้มล้อที่สามารถใส่ได้ก็ควรพิจารณาจุดนี้เป็นอันดับแรก
ความกว้างของหน้ายาง มีหน่วยเป็นนิ้ว เช่น 6,7,8,9 และ 10 เป็นต้น ส่วนยางจะนับเป็นนับอีกหน่วยนะครับ เพราะจะมี มาตฐานการวัดอยู่ 2 แบบ คือ แบบ นิ้วและมิลลิเมตร เช่น 17/45/225 จะ มีขนาดล้อ 17 นิ้ว ระยะความสูงของแก้มยางคือ 45 ไม่ใช่ มิลลิเมตรหรือนิ้วนะครับ และ 225 ก็คือความกว้างของหน้ายาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร แต่จะมียางกำพวกที่ใช้กับรถกระบะเช่น 15x31x10.5 จะมีหน่วยเป็นนิ้วทั้งหมด ส่วนใหญจะ เป็นพวก AT กับ MT อย่าเพิ่งงง นะครับ
Offset ของล้อ ล้อจะหุบ หรือ ล้อล้น จะขึ้นกับส่วนนี้ ถ้าต้องการให้ล้อล้นออกมา ก็ให้ค่า offset มีค่าน้อย ถ้าต้องการให้ล้อหุบเข้าไปในซุ้ม ก็ต้องค่ามากขึ้น
ค่า P.C.D. (Pitch Circle Diameter) เรียกง่ายๆ นะครับว่า จุดยึดหมุดล้อ เช่น 4/100 4/114.3 หรือ 139.7 เป็นต้น ค่านี้จะเป็นการวัดระหว่างรูน๊อตกับจุดศูนย็กลางนะครับ จะมีจะนวนรูกี่รูก็ได้ ส่วนใหญ่จะเริ่มที่ 4 รูสำหรับรถขนาดเล็ก แล้วเป็น 5 รู สำหรับรถที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และเป็น 6 รู ซึ่งจะเป็นพวกระกระบะ สำคัญมาก ถ้าผิดพลาดตรงนี้แล้ว ไม่สามารถเอามาใส่ได้เลย
พิจารณาถึงที่มาของล้อด้วยนะครับ ว่าทำมาจากที่ไหน เพราะจะพบว่า ถ้าเป็นล้อที่มาจากโรงงาน ส่วนใหญ่พบว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องความปลอดภัย แต่ถ้าเป็นล้อที่ไม่ทราบที่มาหรือบริษัทที่ผลิตไม่มีความน่าเชื่อถือแล้ว จะทำให้เกิดปัญหาในการใช้งานได้ เช่นล้อแตกหักง่าย
