ทำไมรถถึงสตาร์ตไม่ติด

ปัญหาเรื่อง รถสตาร์ตไม่ติด เป็นเรื่องปกติไปแล้ว สำหรับสังคมในปัจจุบันที่ใช้รถเป็นปัจจัยที่ 5 ในการดำรงชีวิต ซึ่งก็ไม่ได้พูดเกินจริงเพราะว่าเดียวนี้ จะไปทำงานแต่ละครั้ง ออกจากบ้านแต่ละที กินเวลาไปหลายชั่วโมง ซึ่งนับวันจะไกลบ้านกับที่ทำงานก็จะอยู่ไกลกันไปเรื่อยๆ เพราะความเจริญเข้ามา ทำให้ต้องตัดสินใจซื้อรถเข้ามาใช้เดินทางไปทำงาน ไปเที่ยว ก็ต้องมีรถ และเมื่อมีต้องการ ก็ต้องซื้อมาใช้ เมื้อซื้อมาใช้มันก็ต้องเสียหรือหมดอายุของอุปกรณ์ เช่น แบตเตอรี่ สายพาน และอื่นๆ ที่ต้องเปลี่ยนตามอายุการใช้งาน เป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าเกิดเสียขี้นมาแล้วไม่รู้อะไรเลยในการดูแลรักษา ระบบเครื่องยนต์ ก็เป็นภาระของเพื่อนร่วมทาง ถ้าอย่างนั้นเรามาดู 10 วิธีแก้ปัญหาในกรณีรถสตาร์ตไม่ติดกัน โดยจะเริ่มตั้งแต่เรื่องง่ายไปถึงเรื่องยาก ดังนี้

สาเหตุการเสียของรถ

1. แบตเตอรี่หมด,แบตอ่อนหรือแบตเสื่อม

ภาพแสดงแบตเตอรี

อาการของแบตเตอรี่หมด จะสังเกตุได้ง่ายมากคือ เมื่อเราเปิดสวิทช์กุญแจตำแหน่งออน จะพบว่าไฟที่หน้าปัทจะไม่มีอะไรแสดงเลย ซึ่งหมายความว่าหมดสนิทและมีทางเดียวคือ หารถมาพ่วงแบต แล้วสตาร์ต ถ้าติดแล้วก็อย่าปิดเครื่องให้ทิ้งไว้ให้แบตชาร์ตประมาณ 1 ชั่วโมง และถ้า แบตเตอรี่อ่อน อาการคือเปิดไฟหน้าปัทติดและเวลาสตาร์ตรถไฟหน้าปัทจะวูบ  อาการนี้ก็ใช้วิธีเดียวกับแบตหมดคือพ่งแบต และถ้า แบตเตอรี่เสื่อม ละ คือแบตจะมีอายูการใช้งานประมาณ 2 ปี อาการคือจะสตาร์ตได้ในตอนเช้าแล้วตอนเย็นจะอาการเหมือนแบตอ่อน วิธีนี้แนะนำให้เปลี่ยนแบตเตอรีลูกใหม่เลย ถ้ามีอาการแบบนี้จะเป็นทุกวันและมีปัญหาจุกจิกตามมาตลอดถ้าไม่เปลี่ยน

2.สตาร์ตแล้วเงียบเนื่องจากเกียรไม่ได้อยู่ตำแหน่ง N หรือ P

อาการนี้จะพบได้ในรถระบบเกียรที่เป็นแบบ Auto คืออาการจะสตาร์ตไม่ได้ ซึ่งถ้าเจอปัญหานี้แนะนำให้ลองขยับเกียรใหม่ให้ไปอยู่ที่  N หรือ P แล้วลองสตาร์ตดูอีกรอบ เพราะตำแหน่งอื่นจะไมอนุญาติให้รถสตาร์ต เหตุผลเรื่องความปลอดภัย

3.สตาร์ตแล้วเหมือนมีเสียงเหล็กกระทบแถ้วห้องเครืองยนต์

อาการแบบนี้เป็นไปได้สองทางคือ แบตอ่อน กับ ไดสตาร์ตเสียหรือมีปัญหา วิธีแก้ไขเบี้ยงต้นก็หารถมาพ่วงแบตดูก่อน ถ้าไม่ติดก็คงต้องเข้าอู่เพื่อเปลี่ยนไดสตาร์ต อาจะเปลี่ยนเฉพาะแปลงถ่าน

4.วิ่งๆไป เมื่อจอดแล้วดับ แล้วสตาร์ตไม่ติด ไฟหน้าปัทอ่อน

อาการแบบนี้จะพบก่อนมีปัญหาคือ ไฟหน้าปัทแสงจะเริ่มหรี่และเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ อาการบบนี้จะมี รูปแบตเตอรีโชว์ ที่หน้าปัท และรถจะเริ่มมีอาการสะดุด แนะนำให้หาร้อนซ่อมไดนาโมโดยด่วน แต่ถ้าต้องการขับไปอีกสักหน่อย แนะนำให้หาร้านแบตเตอรีแล้วชาร์ตไฟให้เต็ม แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แล้วขับไปร้านไดนาโมด่วน ซึ่งอาการนี้เป็นที่ไดชาร์ทมีปัญหา

5.ระบบกันขโมยขัดข้อง

ปัญหานี้อาการส่วนใหญ่คือ ระบบจะร้องเตือนเนื่องจากระบบกันขโมยทำงาน และทำงานผิดพลาด เมื่อเปิดประตูรถไปได้ แต่ก็ไม่สามารถสตาร์ตรถได้ เพราะระบบกันขโมยจะตัดการทำงานของระบบสตาร์ตเพื่อป้องกันขโมย วิธีแก้ไขคือ จัดการถอดขั่วแบตเตอรี ทิ้งไว้ 5 นาทีแล้วใส่กลับที่เดิม ถ้าอาการยังเหมือนเดิม แนะนำถอดกล่องออกเลย แล้วลองสตาร์ตรถดู ซึ่งระบบจะทำงานได้

6.น้ำมันหมด

ดูเหมือนอาการนี้ไม่น่าจะเกิด แต่ก็เกิดขึ้นได้ด้วยหมดจริงหรือเกย์น้ำมันเสีย ก็ลองเติมดูก่อนครับ ปัญหานี้ดูไม่ยาก แต่ส่วนใหญ่จะค่อยได้ดูกัน หรือเคยพบว่าเกย์มีปัญหา ซึ่งต้องทำการเปลี่ยนเกย์ใหม่กันเลย วีธีแก้ก็เติมน้ำมันแล้วเปิดกุญแจออน ยังไม่ต้องสตาร์ต เพราะน้ำมันหมดท่อ แล้วปิดสวิทช์ ทำแบบนี้สักสองครั้งแล้วค่อยสตาร์ต

7.ฟิว์สขาด

 อาจมีสาเหตุหลากหลาย เช่น พัดลมช๊อต หรืออุปกรณ์ต่อพวกเช่นเครื่องเสียง อุปกรณ์กันขโมยเกิดการช๊อต ทำให้ฟิวส์เกิดขาดขึ้นมา  วิธีแก้ไขคือ ต้องเปิดกล่องฟิวส์มาตรวจสอบว่ามีตัวไหนขาดหรือไม่ ถ้าขาดก็ต้องหามาเปลี่ยนตามขนาดเดิมที่มีปัญหา ก่อนเปลี่ยนแนะนำว่าตรวจหาต้นเหตุที่ทำใหฟิวส์ขาดให้เจอก่อน แล้วถึงทำการเปลี่ยนฟิวส์ ไม่งั้นจะขาดซ้ำ

8.ขั่วแบตสกปรก

ปัญหาที่เกิดตอนเข้าจะทำงานได้แต่สายๆอากาศเริ่มร้อนจะเริ่มไม่ทำงาน และสตาร์ตไม่ติด วิธีแก้ไขโดยการต้มน้ำร้อนนำมาราดขั่วแบตเพื่อทำให้ขี้เกลือหายไป

9. ปั้มติ๊กไม่ทำงาน

อากาศนี้จะยากนิดหนึ่งตรงที่ต้องฟังเสียงมอเตอร์ดูดน้ำมัน (ปั้มติก) ตอนเริ่มบิดกุญแจมาที่ตำแหน่งออน จะมีเสียงมอเต่อร์ทำงานสักพังปรมาณ 20 วินาทีแล้วหยุด ถ้าปิดสวิทช์ออนแล้วไม่มีเสียง อาจมีปัญหาสองส่วน คือ รีเรย์ปั้มติ๊ก กับปั้มติ๊กเสียให้ทำการหาร้านซ่่อมรถทำการเปลี่ยนอุปกรณ์ที่เสียดราไม่สามารถทำเองได้ เพราะอุปกรณ์ที่กล่าวมามันอยู่ในถังน้ำมัน

10. สตาร์ตได้บ้างไม่ได้บ้าง

ตรงนี้อาจยากสักหน่อยครับ แต่ต้องใช้วิธีสังเกตุ เช่นตอนเครื่องเย็น หรือ เครื่องร้อน ซึ่งอาจเกิดปัญหาหลายอย่างควบกันอยู่ ทั้งสวิทช์กุญแจ รีเลย์ หรือ ไดสตาร์ตเอง ต้องวิเคราะห์ที่ละขั้นตอน

บทความนี้อาจมีประโยชน์สำหรับผู้ใช้รถทั้งหลายนะครับ

สุดท้ายขอใหสนุกกับการขับรถนะครับ

Facebook Comments